วันอาทิตย์ที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

หลักนิยมพื้นฐานในการต่อสู้ของกองทัพบก

ในบรรดาหลักการพื้นฐานต่าง ๆ ที่ทหารราบถือเป็นแนวทางนั้นคือ หลักการสงคราม องค์ประกอบของอำนาจกำลังรบ และหลักนิยมการรบอากาศพื้นดิน ในตอนที่ ๑ นี้ จะกล่าวถึงภารกิจของเหล่าทหารราบ และการใช้หลักนิยมในขั้นพื้นฐานสำหรับหมวด และหมู่ปืนเล็ก ซึ่งการใช้หลักนิยมดังกล่าวนี้ทำให้เกิดยุทธวิธี เทคนิค ระเบียบปฏิบัติ และการฝึกปฏิบัติสำหรับหน่วยทหารราบระดับหมวด และหมู่ปืนเล็ก นอกจากนั้นในตอนที่ ๑ นี้ จะกล่าวถึงรายละเอียดเรื่ององค์ประกอบของอำนาจกำลังรบ รวมทั้งทักษะที่จำเป็นต้องมีสำหรับผู้บังคับหน่วย และทหารเป็นบุคคลในหน่วยทหารขนาดเล็กอีกด้วย


๑ - ๑ ภารกิจ

ภารกิจของทหารราบ คือ เข้าประชิดข้าศึก ด้วยการยิงและการดำเนินกลยุทธ์ เพื่อเอาชนะ หรือจับข้าศึกเป็นเชลย หรือเพื่อขับไล่การโจมตีของข้าศึกด้วยการยิง การรบประชิด หรือการตีโต้ตอบ

ก. ไม่ว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะเหนือกว่าหรือด้อยกว่าทางด้านเทคโนโลยีเพียงใดก็ตาม ฝ่ายที่เหนือกว่าในด้านการรบประชิดด้วยกำลังทางพื้นดินเท่านั้น ที่จะได้ชัยชนะเด็ดขาดในการรบ กำลังทหารราบไม่ว่าจะเป็นทหารราบมาตรฐาน ทหารราบส่งอากาศ ทหารราบเคลื่อนที่ทางอากาศ ทหารราบเบา หรือทหารราบจู่โจม ล้วนแต่เป็นกำลังหลักในการรบประชิดทั้งสิ้น ทั้งนี้เพราะทหารราบสามารถ

- เข้าตีตามแนวทางเคลื่อนที่ที่กำลังขนาดใหญ่ (heavy forces)อื่นๆ ไม่สามารถเคลื่อนที่ได้

- เป็นหน่วยเริ่มเข้าตีเจาะในภูมิประเทศที่ยากลำบาก เพื่อการขยายผลของหน่วย รถถังหรือทหารราบยานเกราะต่อไป

- ยึดรักษาสิ่งกีดขวางตามธรรมชาติที่มีอยู่ และภูมิประเทศที่ยากลำบากที่มีความสำคัญต่อการดำเนินกลยุทธ์ ทั้งในระดับยุทธการและยุทธวิธี

- ยึดหรือควบคุมพื้นที่ป่า ภูเขา และพื้นที่สิ่งปลูกสร้างได้

- ควบคุมเส้นทางบังคับสำหรับให้หน่วยฝ่ายเดียวกันใช้ในอนาคต

- ปฏิบัติการในเวลากลางคืน หรือในห้วงเวลาทัศนวิสัยจำกัด ไม่ว่าโดยธรรมชาติ หรือสร้างขึ้นก็ตาม

- เคลื่อนที่ติดตามและสนับสนุนการขยายผลของหน่วยใหญ่ เมื่อได้รับการเพิ่มเติมขีดความสามารถในการเคลื่อนย้าย

- ปฏิบัติการรบในพื้นที่ส่วนหลังโดยอาศัยความคล่องแคล่วในการเคลื่อนที่ทางอากาศ

ข. ความสำเร็จในการรบ ขึ้นอยู่กับการปฏิบัติของหน่วยระดับหมวดและหมู่ในการรบประชิด กล่าวคือความสามารถในการตอบโต้เมื่อเกิดการปะทะ การยิงข่มข้าศึก การดำเนินกลยุทธ์ต่อปีกที่ล่อแหลมของข้าศึก และการรบทะลุลวงเข้าเอาชนะ ทำลายหรือจับข้าศึกเป็นเชลย ส่วนความสำเร็จในการปฏิบัติของหน่วยขนาดเล็กนั้น ขึ้นอยู่กับขีดความสามารถของผู้บังคับหน่วยและตัวทหารเป็นบุคคลในการใช้ภูมิประเทศให้ได้เปรียบ การใช้อาวุธได้อย่างแม่นยำและมีผลทำลายล้างสูง ทั้งนี้ด้วยการคิด เคลื่อนที่ และใช้วิธีรบในลักษณะที่ข้าศึกคาดไม่ถึง

ค. โดยปกติแล้ว หมวด และหมู่ปืนเล็ก จะปฏิบัติการรบเป็นส่วนหนึ่งของหน่วยใหญ่ และอยู่ภายใต้การสนับสนุนจากหน่วยทหารราบด้วยกัน หน่วยยานเกราะ ปืนใหญ่ เครื่องยิงลูกระเบิด การสนับสนุนทางอากาศโดยใกล้ชิด การป้องกันภัยทางอากาศ และเครื่องมือทางการช่าง นอกจากนี้หมวด และหมู่ปืนเล็กยังสามารถใช้อาวุธภายในหน่วยทำการยิงข่มข้าศึก ทั้งเพื่อขับไล่การโจมตีของข้าศึก และเพื่อสนับสนุนการดำเนินกลยุทธ์ของหน่วยเอง

๑ - ๒ อำนาจการรบ

หลักนิยมของทหารราบนั้น ส่วนหนึ่งมีพื้นฐานมาจาก องค์ประกอบ ๔ ประการ ของอำนาจกำลังรบ ซึ่งประกอบด้วยการดำเนินกลยุทธ์ อำนาจการยิง การพิทักษ์หน่วยและผู้นำ

ก. การดำเนินกลยุทธ์ หมายถึง การเคลื่อนย้ายกำลัง โดยมีการยิงสนับสนุนไปยังตำบลที่ได้เปรียบ ซึ่งสามารถทำลายหรือข่มขู่ที่จะทำลายข้าศึกได้ กำลังทหารราบ เคลื่อนที่เพื่อควบคุมตำบลที่ได้เปรียบเหนือข้าศึก และเพื่อครอบครองความได้เปรียบนั้นไว้ ทหารราบดำเนินกลยุทธ์ เพื่อเข้าตีทางปีก ทางด้านหลัง ตำบลส่งกำลังบำรุง และที่บังคับการของข้าศึกในการตั้งรับทหารราบดำเนินกลยุทธ์เพื่อตีโต้ตอบทางปีกด้านใดด้านหนึ่งของข้าศึก การดำเนินกลยุทธ์ที่มีการยิงสนับสนุนอย่างเหมาะสม จะทำให้ทหารราบสามารถเข้าประชิดข้าศึก และได้ชัยชนะเด็ดขาดในการรบ

ข. อำนาจการยิง หมายถึง ความสามารถของหน่วยในการยิงไปยังที่หมายอย่างมี

ประสิทธิภาพ อำนาจการยิงสามารถสังหาร หรือกดข้าศึกให้อยู่ในที่มั่น ลวงข้าศึก และสนับสนุนการดำเนินกลยุทธ์ ทหารราบย่อมไม่สามารถดำเนินกลยุทธ์ได้หากไม่มีการยิงสนับสนุนที่มี

ประสิทธิภาพ ก่อนที่หน่วยจะเริ่มดำเนินกลยุทธ์จะต้องจัดตั้งฐานยิงก่อน ฐานยิงจะต้องวางตำบลยิงไปยังกำลังหรือที่ตั้งของข้าศึก เพื่อลดหรือขจัดขีดความสามารถของข้าศึกที่จะรบกวนส่วนดำเนินยุทธ์ของฝ่ายเรา ผู้บังคับหน่วยต้องรู้วิธีควบคุมการยิง รวมอำนาจการยิงและผสมผสานการยิงกับการดำเนินกลยุทธ์ ทั้งยังต้องสามารถพิสูจน์ทราบที่หมายที่สำคัญเร่งด่วนสูงสุด ภายในเวลาที่รวดเร็ว สามารถอำนวยการยิงไปยังที่หมายเหล่านั้น ด้วยการยิงที่หนาแน่นเพียงพอจนข้าศึกไม่สามารถยิงตอบโต้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขณะเดียวกันต้องไม่มากเกินไปจนเกินความจำเป็น

ค. การพิทักษ์หน่วย หมายถึง การดำรงรักษาศักยภาพในการต่อสู้ของกำลังรบเอาไว้ เพื่อที่จะให้พร้อมใช้ได้ทันที ณ ตำบล และเวลาที่ต้องการรบแตกหัก หน่วยจะต้องไม่ยอมให้ข้าศึกชิงเป็นฝ่ายได้เปรียบโดยที่ฝ่ายเราไม่คาดคิด หมวด และหมู่ปืนเล็ก ต้องมีมาตรการทั้งเชิงรุกและเชิงรับที่จะป้องกันหน่วยจาก การจู่โจม การตรวจการณ์ การตรวจจับ การรบกวน การจารกรรม การก่อวินาศกรรม หรือการก่อกวนของข้าศึก ข้อพิจารณาพื้นฐานในการพิทักษ์หน่วยมีอยู่ ๒ ประการ คือการดูแลเอาใจใส่ต่อตัวทหารเป็นบุคคล กับการปฏิบัติการต่อต้านอำนาจกำลังรบของข้าศึก

๑) ข้อพิจารณาประการแรก เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับเทคนิคที่จำเป็น สำหรับการดำรงสภาพความเป็นกำลังรบที่มีประสิทธิภาพของหมวดและหมู่อย่างต่อเนื่อง เช่น การรักษาสุขภาพพลานามัยของทหาร เพื่อดำรงขวัญในการรบ โดยการดำเนินการอย่างเหมาะสมในเรื่อง สุขศาสตร์ทหาร การออกกำลังกาย และแผนการพักผ่อนควบคู่กับการดูแลรักษาอาวุธยุทโธปกรณ์ให้อยู่ในสภาพที่ใช้การได้ดีอยู่เสมอ รวมทั้งจัดให้มีและรักษาไว้ซึ่งสิ่งอุปกรณ์ต่าง ๆ อย่างเพียงพอ นอกจากนี้ยังหมายถึงการจัดแผนการบรรทุกของทหารเป็นบุคคลอย่างเหมาะสม ให้ทหารบรรทุกสิ่งของติดตัวเฉพาะเท่าที่จำเป็นและเหมาะสมกับสภาพการรบเท่านั้น

๒) ข้อพิจารณาประการที่สอง เกี่ยวกับการระวังป้องกัน การกระจายกำลัง การกำบัง การซ่อนพราง การลวง และการยิงข่มอาวุธข้าศึก สิ่งสำคัญที่สุดคือ ทหารราบต้องอยู่พ้นวิสัยการตรวจจับของฝ่ายข้าศึกให้ได้จึงจะอยู่รอดได้ ไม่เช่นนั้นแล้ว ทหารราบจะกลายเป้าหมายที่ล่อแหลมจากอำนาจการยิงของข้าศึกทุกชนิด และเมื่อตกเป็นเป้าหมายของฝ่ายข้าศึกแล้ว ทหารราบจำเป็นต้องทำการรบแตกหัก หรือเข้าประชิดและทำลายข้าศึกซึ่งไม่ใช่สิ่งที่พึงประสงค์ แต่สิ่งที่ทหารราบมีความมุ่งประสงค์อยู่ตลอดเวลาก็คือ การได้เป็นฝ่ายกำหนดตำบลและเวลาของการรบ ดังนั้นจึงต้องพิทักษ์หน่วยเอาไว้ จนกว่าจะถึงเวลาที่กำหนดตำบลและเวลาของการรบได้แล้วเข้าทำการรบด้วยอำนาจกำลังรบสูงสุด และด้วยการจู่โจม

ง. ผู้นำ ผู้นำทางทหาร หมายถึงวิธีการที่ทหารชักจูงบุคคลอื่นปฏิบัติภารกิจให้สำเร็จ การใช้ลักษณะผู้นำที่ถูกต้องจะทำให้หน่วยสามารถปฏิบัติการได้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากการใช้ความเป็นผู้นำอย่างถูกต้องนั้น จะทำให้ทหารทุกคนทราบความมุ่งหมาย วิธีปฏิบัติ และมีแรงจูงใจ ในการปฏิบัติการรบ ผู้นำต้องมีความรู้ ความเข้าใจเป็นอย่างดี เรื่องงานในอาชีพ ทหารในการบังคับบัญชาของตน และเครื่องมือรบ (tool of war) ผู้นำประเภทนี้เท่านั้น ที่จะสามารถทำให้ทหารเต็มใจปฏิบัติงานภายใต้สภาพอันตราย และสภาวะความกดดันได้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น